0





==================================================================




หลังจากโดนปลุกจากฝันดี(สาวบันนี่เกิร์ลเสิร์ฟอาหาร) Katsuragi Shou ก็ถูก Shigeki บิดาปลุกให้ตื่นขึ้นมาตอนเช้า พอดูจดหมายที่มาที่บ้านก็เจอซองเอกสารที่ภายในมีบัตรประจำตัวนักเรียนสำหรับเขา ของโรงเรียน Ohtoriryouran ซึ่งพอ Shou ได้เห็นรูปโรงอาหารที่ใหญ่และกินได้ไม่อั้นแล้ว เขาก็เตรียมเก็บข้างของไปทันที(เนื่องจากเอกสารนี่ส่งมาตั้งนานแล้ว แต่ Shigeki ลืม)เพราะวันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียน Shigeki ผู้พ่อเจอลูกบอกลาแบบฉับพลันเลยให้รูปที่ตนเคยถ่ายกับเขาให้ติดตัวไว้ใส่ในซองบัตรนักเรียน แล้ว Shou ก็รีบออกจากบ้านไปทันที


พอเขาเดินทางมาถึงสะพานที่จะข้ามไปยังเกาะซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียน เขาก็พบกับ Souryu ประธานสภานักเรียน แต่ไม่ทันไรเขาก็เผ่นไปก่อนเนื่องจากโดน Amane และ Kururi ไล่ตามมา (ไม่มีเหตุการณ์ระเบิด ทำให้เนื่องเรื่องแตกออกไปจาก FH ตั้งแต่ตรงนี้) Shou เดินไปจนใกล้สุดสะพานก็พบเงาของคนๆหนึ่ง พอมองดีๆก็เข้าใจว่าเป็นเด็กสาวคนหนึ่งผมสีดำยาวที่พลิ้วไหวไปกับสายลม


เธอกำลังเกาะขอบสะพานและมองไปไกลแสนไกล เป็นความรู้สึกประหลาดสำหรับ Shou เขาเห็นเธอยืดศีรษะไปข้างหน้าก็นึกว่าจะกระโดดลงไป เลยวิ่งเข้าไปห้ามจนเป็นเหตุให้ล้มทั้งคู่ ต่อมาก็เข้าใจว่าเธอกำลังหาประธานนักเรียนอยู่นั่นเอง ไม่ช้าก็ได้รับโทรศัพท์จาก Amane ว่าจับคนร้ายได้แล้ว พอรู้ว่า Shou คือนักเรียนที่จะย้ายเข้ามา เธอคนนั้นแนะนำตัวเองว่าชื่อ Shirasagi Mayuri และอาสาจะพาเขาไปที่โรงเรียน ระหว่างทาง Shou ก็ได้รู้ว่าคนที่กำลังพาเขาไปเป็นดั่งไอดอลของโรงเรียนที่นักเรียนคนอื่นๆทั้งชื่นชมและนับถือ


ตัวเขาเองก็เริ่มรู้สึกผูกพันกับเธอมากขึ้นตั้งแต่เทศกาลดอกไม้ไฟในวันเดียวกัน และเริ่มทำงานเป็นผู้ช่วยพิเศษของสภานักเรียน



วันเวลาผ่านไป มีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสองใกล้ชิดกันมากขึ้น เช่น คราวที่ทั้งสองโดนขังไว้ในโกดังโรงเรียนเป็นเวลาหลายชั่วโมง



หรือคราวไปเยี่ยม Sakurako เพื่อนสนิทของ Mayuri ที่เป็นคนไข้พักอยู่ที่โรงพยาบาลในเขตโรงเรียน ตลอดช่วงเวลานั้น Mayuri ได้สะกิดใจถึงนามสกุลของ Shou ที่เธอรู้จักมาเมื่อหลายปีก่อน แต่ก็คิดไปว่าคงเป็นเหตุบังเอิญ


จนกระทั่งวันหนึ่งที่ Shou ผลุนผลันแยกกับ Sakurako ไปตอนที่ Mayuri กลับมาหลังติดธุระ (ช่วงนั้น Shou เริ่มเข้าใจแล้วว่าตนเองชอบ Mayuri แล้ว) เขาได้ทำบัตรนักเรียนตก ซึ่ง Mayuri ก็เตรียมจะเอาไปคืนเขาในวันถัดมา ก่อนที่จะคืนได้สำเร็จเธอก็เผลอทำบัตรตกกับพื้นและัรูปใบหนึ่งก็หลุดออกมา เมื่อเธอสังเกตและมองมันก็ต้องตกใจ


เพราะนั่นเป็นรูปของชายที่เธอเคยเจอ และได้เห็นเขาโดนยิงล้มลงต่อหน้าต่อตา ชายที่เธอเคยพูดคุยด้วยโดยไม่ปิดบังความรู้สึกเป็นครั้งแรก
เมื่อเธอไปสำรวจข้อมูลของ Shou ที่กรอกในใบก็พบว่าชื่อของ Shigeki อยู่ในช่องของผู้ปกครอง ทำให้เธอเข้าใจทันทีว่า Shou นั้นคือ ลูกชายของตำรวจที่ถูกยิงตายเมื่อ 4 ปีก่อนตอนคุ้มกันที่บ้านของเธอ


ตอนนั้นเธอพาเขาออกมาดูแปลงดอกไม้ที่เธอดูแลในสวน ซึ่งตอนนั้นเองเขาเข้ามาป้องกันเธอและโดนยิงเข้าบาดเจ็บสาหัส
เมื่อเธอลองโทรไปตามหมายเลขที่เขียนในใบประวัตินั้น แม้จะไม่ได้พูดอะไร แค่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เธอก็เข้าใจแล้วว่าคนๆนั้นยังไม่ตาย



หลังจากนั้นเธอก็พยายามออกห่างไม่พบหน้าเขา จนเขาใช้โอกาสที่ได้จาก Amane มาคุยกับ Mayuri ตรงๆในวันหนึ่ง ก็ทำให้ Mayuri เผยอีกโฉมหน้าหนึ่งออกมา ซึ่งทำให้เขาต้องตกใจ


แต่ที่จริงแล้วนั่นเป็นความหวั่นไหวของ Mayuri ที่กลัวว่าตนเองจะทำให้คนอื่นต้องเจ็บปวดอีก ในอีกด้านหนึ่ง ตัวเองก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมตนเองถึงแสดงพฤติกรรมนี้ออกมา ทั้งๆที่ปกติเธอจะสวมหน้ากากรอยยิ้มและรักษาระยะห่าง แล้วทุกอย่างก็จะผ่านไปเหมือนๆทุกที เธอรู้แล้วว่าตนเองก็เริ่มชอบ Shou ขึ้นมาแล้วเ่ช่นกัน



หลังจากนั้น Shou ก็พูดให้กำลังใจ Mayuri จนเอาชนะความกลัวเหล่านั้นและยอมรับได้ถึงความรู้สึกที่ตนเองมีต่อเขา รวมไปถึงคำสัญญาที่พวกเขาจะอยู่ด้วยกันเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น


สิ่งต่อไปที่พวกเขาต้องเผชิญ คือ เรื่องของครอบครัว Shirasagi ที่ถือเคร่งเรื่องการแต่งงาน ซึ่งบังคับแบบคลุมถุงชน และ Mayuri นั้นเดิมถูกหมั้นหมายไว้กับ Souryu อยู่แล้ว แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้มีความรู้สึกในเชิงรักใคร่กับ Mayuri แต่อย่างใด อีกทั้งยังต้องการจะสนับสนุนพวก Shou จึงจัีดแผนให้พวกเขาเดินทางไปที่บ้าน Shirasagi และพูดคุยกับผู้นำตระกูลคนปัจจุบันเพื่อยกเลิกการหมั้นและยอมรับการคบหาระหว่าง Shou กับ Mayuri ด้วย


เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงที่บ้านของตระกูล Shirasagi เพื่อพักเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ได้พบกับ Tomoe ผู้นำตระกูล และ Toshihiko หลานเขยซึ่งตอนงานโรงเรียนได้เคยมาพบกับ Souryu เรื่องการแต่งงานมาก่อน รวมไปถึงพี่สาวสองคนจากทั้งหมดสามคนของ Mayuri คือ Sayuri และ Shioriอย่างไรก็ตาม สิ่งที่ Shou และ Souryu สังเกตเห็นได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เหยียบเข้าบ้านหลังนี้คือ Mayuri ที่ถูกกระทำเหมือนคนรับใช้คนหนึ่งในบ้านที่ต้องช่วยเหลืองานบ้านและรับใช้คนอื่นๆ ซึ่งมีที่มาจากการที่ Mayuri นั้นเกิดจากบิดาคนเดียวกัน(เสียชีวิตไปแล้วในปัจจุบัน)กับ Sayuri และ Shiori แต่มีมารดาเป็นคนรับใช้ซึ่งโดนขับไล่ออกไปแล้ว แต่เพราะเธอยังมีเลือดของ Shirasagi อยู่จึงถูก Tomoe เลี้ยงดูให้สมกับเป็นคนในตระกูล ตั้งแต่เด็กๆ Mayuri จึงได้รับการสั่งสอนและทำงานเหมือนเป็นคนรับใช้ในบ้านคนหนึ่ง ทั้งที่น่าจะมีฐานะเป็นหลานสาวของผู้นำตระกูลก็ตาม


กลางดึกคืนแรก Shou ออกมาเข้าห้องน้ำและหาทางกลับห้องไม่เจอ เขาเจอเงาของคนที่มีผมสีดำยาวจึงเข้าไปทัก แต่ปรากฏว่าเธอไม่ใช่ Mayuri แต่เป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับเธอมาก ซึ่งเธอคือ Sayuri พี่สาวคนโตของ Mayuri นั่นเอง ในตอนแรก Shou ตามมาที่บ้านด้วยในคราบของพ่อบ้านของ Souryu


แต่ภายหลังก็ถูกเปิดโปงโดย Shiori ที่หลงไหลเขาเพราะเป็นสิ่งๆแรกที่ Mayuri ให้ความสำคัญด้วย (เมื่อก่อนเธอมักจะแย่งของของ Mayuri เป็นประจำ) ซึ่งจะมีฉาก Bad End ในตอนที่ Shiori มอมยา Shou ในห้องของเขาและทำให้เธอ "เป็นของเขา"
แต่หากดำเนินเรื่องต่อไป Mayuri ก็จะเข้ามาหยุดได้ทันเวลา เธอแสดงการปกป้อง Shou และปฏิเสธต่อพี่สาวเป็นครั้งแรก ซึ่งนั่นก็ทำให้ทั้งสองถูกเอาคืนด้วยการเผยสถานะระหว่างทั้งสอง เมื่อพวกเขาเอ่ยถึงความรักที่มีต่อกัน จู่ๆ Sayuri ก็เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมาและทำร้าย Mayuri ทั้งยังบอกด้วยว่าความสุขหรือความรักนั้นไม่มีอยู่จริงหรอก


อาการของเธอทำให้ทั้งครอบครัวตกตะึลึง โดยเฉพาะพวก Shou หลังจากนั้น Tomoe ก็สั่งให้ทำเหมือน Shou ไม่มีตัวตนอยู่ในบ้าน เขาไม่มีห้องของตัวเองและไม่มีอาหารทาน กระนั้น Mayuri ก็ยังปกป้องเขา โดยพาเขาไปอยู่ที่ห้องของเธอและแบ่งอาหารส่วนของตัวเองให้เขา


หลังจากนั้นไม่นาน Toshihiko ที่ต้องการจะให้พวกเขาแยกทางกันก็ได้พูดคุยกับ Shou ตามลำพัง และจดจำเขาได้ในไม่ช้าว่าเขานั้นก็คือลูกชายของ Katsuragi Shigeki เนื่องจากหลัง Shigeki เข้าโรงพยาบาลไม่นาน เขาก็แวะมาไปที่นั่นและบอกให้เลิกติดต่อกับบ้าน Shirasagi อีก ตนเองนึกถึงใบหน้าของเด็กสาวคนนั้นแล้วก็ยิ่งโกรธผู้ที่เคยทำให้ Mayuri ต้องโศกเศร้าเสียใจมาก่อน

เมื่อก่อน ตอนเขาเข้ามาเป็นหลายเขยของบ้าน เขาได้พบกับ Sayuri และใช้ชีวิตที่บ้านหลังนี้


แต่ไม่ว่ายังไง สำหรับเขาแล้ว Sayuri นั้นเหมือนปิดกั้นหัวใจของตัวเองและไม่เคยมองเขาในฐานะคู่ชีวิตแม้สักครั้ง วันหนึ่งเขาก็ได้เห็นอาการของเธอที่กำลังคลุ้มคลั่ง เมื่อเขาจะพาเธอกลับไปที่ห้อง ก็ถูกปัดไปเหมือนเป็นสิ่งโสโครกสำหรับเธอ Toshihiko ที่กำลังสิ้นหวังก็ถูกทักโดยเด็กสาว ซึ่งก็คือ Mayuri สมัยเด็กนั่นเอง


เขาเริ่มรู้สึกสบายใจเมื่อได้พูดคุยกับเธอ และเคยให้ของขวัญเธอตอนคริสต์มาสด้วย แต่ภายหลังจากเหตุการณ์ที่ Shigeki เข้าโรงพยาบาล Toshihiko ได้เดินทางไปที่นั่นและพบกับ Mayuri ที่เดินถามทางตลอดจนมาถึงที่โรงพยาบาลได้ด้วยตัวเอง เมื่อเห็นเขาเธอก็ถามถึงอาการของ Shigeki ด้วยสีหน้าที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน Mayuri ในตอนนั้นได้เปิดใจให้กับ Shigeki ซึ่งเขาไม่สามารถทำได้ เขาตัดสินใจบอกเธอไปว่า Shigeki นั้น "ตายแล้ว"


Mayuri พลันวิ่งหนีไป (ขณะที่หลบเพื่อร้องไห้นั่นเองที่เธอได้พบกับ Sakurako เป็นครั้งแรกและเป็นเพื่อนกันนับแต่นั้น)


ต่อมาเขาก็เผยเรื่องนี้ให้คนอื่นในครอบครัวรู้ Tomoe ก็บอกให้ Sayuri โทรศัพท์เรียกตัว Kaori กลับมาทันที Shiori ที่นึกสนุกก็มาเล่าเรื่องให้พวก Shou รู้ พอเขาถาม Mayuri ว่า Kaori เป็นคนยังไง เธอก็เล่าถึงเมื่อก่อนที่เธอเคยโดนลงโทษให้โดนขังอยู่ในห้องเก็บของในสวน Kaori ก็แอบเข้ามาพร้อมหยิบผ้าห่มมาให้


เป็นพี่สาวที่เป็นห่วงเธอและเป็นคนที่เธอมองด้วยความชื่นชมมาตลอด และอาจเป็นมิตรเพียงคนเดียวในบ้านหลังนี้ก็เป็นได้
ไม่ช้าก็มีโน้ตส่งมาหาพวกเขา บอกให้ไปที่ห้องเก็บของในสวน แต่ปรากฏว่าเป็น Toshihiko ที่ปรากฏตัวขึ้นมา เขาพยายามโน้มน้าวให้ Mayuri กับ Shou เลิกกันเพราะโลกของทั้งสองนั้นต่างกันเกินไป หนทางข้างหน้าของทั้งสองนั้นมีแต่ความเจ็บปวด ไม่มีความสุขทั้งนั้น เมื่อเห็น Mayuri ปฏิเสธที่จะแยกทางกับ Shou ไม่ว่ายังไง Toshihiko ก็น็อตหลุดคว้ากรรไกรคมกริบขึ้นมาหมายจะแทง Shou เขาตวาดว่าหาก Shou เกิดตายขึ้นมาแล้ว Mayuri ที่เหลืออยู่จะมีความสุขรึไง และสิ่งที่พ่อของเขาทำไว้ ทำให้ Mayuri ต้องกลายเป็นยังไง แล้วเขาถึงกับ...
Mayuri บอกให้เขาเงียบ ส่วนตัวเธอจะเป็นคนเล่าเรื่องนั้นเอง
หลังจากที่เธอเข้าใจว่า Shigeki ตายไปแล้ว หัวใจของเธอก็ปิดสนิทอีกครั้ง และทำงานเหมือนกับตุ๊กตากลในบ้าน ไม่ว่า Toshihiko จะเรียก พูดคุย หรือตีสนิทสนมก็ตาม เธอก็เพียงตอบรับสั้นๆ ทำให้วันหนึ่งในห้องหนังสือ Toshihiko ก็น็อตหลุดถึงเธอเข้ามากอดไว้ แต่ Mayuri ที่เฉยชาเหมือนสิ่งของไร้ชีวิตจิตใจก็เพียงจะเดินกลับจนถูกเขาฉุดล้มลงไปนอนกับพื้น Toshihiko ที่กำลังหน้ามืดตามัวก็พลันสารภาพว่าเขานั้นรักเธอ ว่าเธอนั้นเป็นคนเดียวที่ช่วยเยียวยาจิตใจของเขาตลอดมา แต่ตอนนี้แววตาของเด็กสาวกลับเหมือนกระจกที่สะท้อนเพียงใบหน้าของเขา ไม่ใช่แววตาเป็นห่วงเป็นใยของเด็กสาวที่เขาเคยรู้จัก ตอนนั้นเองที่เขาเริ่มถลกเสื้อของเธอและถอดกระโปรงของเธอราวกับกำลังจะ...


ตอนนั้นเองที่มีเสียงของใครคนหนึ่งเข้ามาในห้อง ทำให้เขาแยกจากเธอ และรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตนเองกำลังจะทำลงไป แต่ Mayuri กลับเพียงจัดแจงชุดและเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พอเล่าจบ Mayuri ก็บอกว่าตอนนี้ตนเองไม่ใช่ตุ๊กตาแบบนั้นอีกแล้้ว เพราะตอนนี้เธอมีคนที่เธอรักและอยากอยู่เคียงข้างด้วยแล้ว และต่อให้สูญเสียใครหรือทำให้ต้องเจ็บปวดแล้ว เธอก็จะเดินหน้าต่อไปด้วยตัวเอง Toshihiko น็อตหลุดอีกครั้งและบอกว่าตัว Mayuri ฬนตอนนี้ไม่ใช่เธอที่เขาต้องการ และนึกเสียใจที่ "ตอนนั้น" ที่เธอยังเป็นแค่ตุ๊กตา ตนไม่ทำให้เป็นเสียไปเลย ทำให้ Shou โกรธบุกเข้าไปจนได้แผลจากกรรไกรนั่น Mayuri เห็นเลือดแล้วก็ตกใจเพราะนึกถึงเมื่อครั้งที่ Shigeki ปกป้องเธอไว้ ขณะที่ Shou เตรียมจะทำร้าย Toshihiko ที่พูดเสียๆหายๆออกมา Souryu ก็เข้ามาขวางได้ทันเวลาพอดี เขาบอก Shou ว่าหากลงไม้ลงมือกับคนในครอบครัวนี้ขึ้นมา หนทางข้างหน้าของพวกเขาก็ต้องดับลงแน่นอน Souryu จึงหันไปเป็นคนถีบ Toshihiko แทนความโกรธของ Shou และบอกให้ทั้งเขาและ Mayuri ที่ตกใจกับเลือดกลับห้องไปก่อน ภายหลัง Mayuri ก็บอกเขาว่าเธอโกหกไป เพราะจริงๆแล้วหากไม่มีเขาแล้ว เธอก็คงไม่มีทางมีชีวิตต่อไปได้แน่ ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองยิ่งผูกมัด และสื่อถึงกันมากขึ้น



หลังจากนั้น Kaori ก็กลับมาถึงบ้าน Shirasagi  แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังลองไปพูดคุยถึงสาเหตุที่ Tomoe ต้องการให้ "ลูกของคนใช้" เป็นเหมือนทายาทแท้ๆในตระกูล ตอนนั้นเองที่ Kaori ค้นพบสิ่งที่ขัดแย้งกันและเริ่มค้นหาความจริงว่าทำไม Tomoe ถึงปฏิบัติกับ Mayuri เช่นนั้น และเริ่มการฟังความจากทางพวก Shou ตัวเธอเองตอนนี้ก็เข้าใจโลกของผู้ใหญ่ที่เพียงแค่ความรักไม่อาจจะเอาชนะทุกอย่างได้ อย่างไรก็ตาม Shou ก็มีห้องของตัวเองและมีอาหารส่วนของตัวเองอีกครั้ง เพราะหลังจากนี้จะเป็นการพูดคุยกันตรงๆ ไม่มีการใช้วิธีการอ้อมๆอีกต่อไป


ครั้งหลังพูดคุยกับพวก Shou เธอก็เล่าและถามความคิดเห็นจาก Sayuri พี่สาว เรื่องของสมัยที่ Mayuri ตอนเป็นทารกปรากฏตัวที่บ้าน แต่ Sayuri เองกลับแสดงอาการเหมือนจะคลุ้มคลั่งอีกครั้ง และเริ่มเพ้อเหมือนต้องการจะลืมบางสิ่งบางอย่างในอดีต Kaori เริ่มตะขิดตะขวงในหลายสิ่ง


เรื่องแรกคือ มีช่วงหนึ่งที่ Sayuri ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศและส่งของฝากกลับมาให้เธอ Kaori ยังจำได้ว่าสิ่งๆนั้นคือลูกแก้วที่บรรจุหิมะปลอมไว้ ทำให้ตอนแรกเธอคิดไปว่าที่ที่พี่สาวไปมีหิมะตก แต่คนรับใช้ก็บอกเธอว่าหิมะในนั้นเป็นแค่ของตกแต่ง ในสถานที่จริงๆนั้นเป็นเขตร้อนไม่มีหิมะ แต่ขณะที่ Sayuri คลุ้มคลั่งนั้น เธอบอกว่าตัวเองไปเรียนต่อ และเห็นหิมะด้วย
เรื่องที่สองคือ ในอดีตเธอกับ Sayuri หลังกลับมาจากเรียนที่ต่างประเทศร่างกายก็เริ่มทรุดโทรมลง ตอน Kaori ขอให้ Sayuri หยิบหนังสือที่บนชั้นมาให้อ่าน อยู่ๆพี่สาวเธอก็ล้มลงกุมที่ท้องและเริ่มมีอาการแปลกๆ เอามือปิดปากคล้ายกับคลื่นไส้


ตอนนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นึกเพียงว่าเพราะร่างกายอ่อนแอ..
Kaori เริ่มปะติดปะต่อเรื่อง เธอเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าและหยิบกล่องกระดาษออกมา ภายในนั้นบรรจุไดอารี่จำนวนมาก ซึ่งเธอเปิดไล่จนหยุดที่หน้าๆหนึ่ง ทิวทัศน์เบื้องหน้าบิดเบี้ยวเหมือนความหวังเล็กๆบางอย่างพังทลายลงเบื้องหน้า...
ตอนเย็น Kaori ปรากฏตัวด้วยท่าทางเพลียๆ เธอบอกให้ Mayuri ว่าเธอนั้นคงไม่สามารถไปจากบ้านหลังนี้ได้แน่ และแม้แต่เธอเองก็คงไม่สามารถช่วยอะไรได้ ก่อนออกจากห้องไปก็บอก Shou ให้เลิกและกลับไปเสีย
กลางดึกเธอไปหา Tomoe และเล่าถึงสิ่งที่เธอค้นพบให้ Tomoe ฟังทั้งจากความทรงจำและไดอารี
ว่า Sayuri นั้นจริงๆแล้วไม่ได้ไปเรียนต่างประเทศ เพราะที่ที่เธอไปนั้นไม่น่าจะมีหิมะ แต่กลับบอกว่าเห็น
ว่า ตอนนั้นสภาพร่างกายของ Sayuri ย่ำแย่ลงมาก มีอาการไม่ดีตลอดเวลา
ว่า ตอนนั้นพ่อของพวกเธอถึงได้เอ็นดู Sayuri มากที่สุด (ซึ่งตอนแรกเธอคิดว่าเพราะเธอเป็นลูกสาวของภรรยาคนแรก ในขณะที่เธอกับ Shiori เป็นลูกสาวของภรรยาคนที่สองหลังคนแรกตายจากไป) และทำไมทั้งสองถึงใช้เวลาในห้องหนังสือกันนานๆเสมอ ในหนึ่งครั้งต่อเดือนในช่วงที่ Tomoe ต้องออกไปนอกบ้านเรื่องกิจการ
Tomoe ขัดการพูดของ Kaori ลงและบอกว่าหากเธอรู้ขนาดนี้แล้วก็คงรู้ว่าเรื่องนี้ห้ามเปิดเผยให้ใครรู้เป็นอันขาด
Kaori เองก็เข้าใจดีและสัญญาว่าจะไม่บอกใคร Tomoe บอกว่าตนจะเป็นคนแบกรับความผิดบาปในฐานะของผู้นำตระกูล เช่นเดียวกับ Sayuri ที่เธอจะให้อยู่ใกล้ๆตัวตลอดไป ตอนนี้เองที่ Kaori บอกว่าตอนนี้ตนเพิ่งเข้าใจว่าที่ Tomoe ทำนั้นทั้งหมดก็เพื่อปกป้อง Sayuri และรวมไปถึง Mayuri ด้วยนั่นเอง


ตอนกลางคืน Shou หิวขึ้นมากะทันหัน ทำใ้ห้ Mayuri ต้องพาเขามาที่ครัวแล้วทำข้าวปั้นให้กิน


ตัวเธอเองก็นั่งมองเขาทานด้วยความอยากอาหาร โดยรู้สึกเหมือนมีสายตาของใครสักคนมองพวกเธออยู่...


ในวันถัดมา Tomoe ก็เรียกให้ทั้ง Shou กับ Mayuri ไปคุยที่ห้องรับแขก แต่ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ไม่อาจเปลี่ยนใจของ Tomoe ที่ต้องการปกป้องเกียรติของตระกูลเอาไว้ ในตอนนั้นเองที่ Sayuri ถลันเข้ามาในห้องและเริ่มคลุ้มคลั่ง ด่าว่า Mayuri ว่าเธอนั้นเป็นเด็กที่ต้องสาปและสกปรก ไม่อาจไขว่คว้าหาอนาคต หาความรัก ไม่มีทางมีความสุขได้แน่นอน เธอจึงหมายจะบอก "ความจริง" เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเช่นเดิมขึ้นอีก


Shou ก็เข้ามาขวางและบอกกลับไปว่าการจะมีความสุขหรือไม่มีนั้น ไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นจะมาตัดสิน และไม่มีทางที่จะไม่สามารถเจอกับความสุขได้ Sayuri ยังคงเพ้อต่อไปและบอกว่าเป็นความผิดของตนเอง ที่ทำให้ Mayuri ต้องคำสาป เธอจึงชักมีดขึ้นมาเพื่อจะฆ่าตัวเอง รวมไปถึง Toshihiko ที่เข้ามาตามเธอด้วย เพราะเขาเองก็ทำให้ Mayuri เกือบแปดเปื้อนเช่นกัน ขณะที่ทุกอย่างกำลังตึงเครียดนั้น Shou ก็ได้พุ่งเข้าไปจับข้อมือทั้งสองของ Sayuri ไว้เพื่อรั้งเธอ


Sayuri โทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง ดังนั้นเธอต้องจบทุกๆสิ่งลง แต่ Shou บอกว่า Mayuri ไม่ได้ต้องการอย่างนั้น ซึ่งทำให้เธอชะงักไป และถามเขาว่าถ้าอย่างนั้นเธอจะสามารถทำอะไรให้ Mayuri ได้อย่างงั้นเหรอ
Shou ตอบกลับไปว่าเพียงอย่างเดียวที่ถ้าเป็นเขาก็จะทำ คือ ให้ยินดีกับเธอยามที่เธอมีความสุข การที่มีความสุขไปด้วยกันนั้นเป็นความสุขของครอบครัว ขอแค่มีคนที่อยู่เคียงข้างแม้เพียงสักคน ก็เ็ป็นเรื่องยินดีขนาดไหนแล้ว Sayuri ฟังคำตอบนั้น จิตใจเริ่มสงบลง Mayuri บอกกับเธอต่อ ว่าตนเองนั้นเชื่อในตัวของ Shou ดังนั้นจึงขอให้ Sayuri เชื่อในเขาเช่นกัน Sayuri สงบสติได้และเปรยยิ้มออกมา โดยบอกว่า Mayuri นั้นต่างจากเธอจริงๆ
Toshihiko เข้ามาพาเธอกลับไปพักผ่อน เธอถามเขาว่าเมื่อครู่นี้ไม่กลัวเหรอที่เธอจะแทงเขาด้วยเช่นกัน เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร ทั้งสองเอ่ยขอโทษให้กันและกัน ก่อนจะออกจากห้องไป Shou เองก็เข้าใจขึ้นมาว่า Toshihiko นั้น จริงๆแล้วรัก Sayuri จึงทำให้เขาเกิดความรู้สึกเดียวกันกับ Mayuri ที่มีเค้าหน้าเหมือนเธอรึเปล่า
หลังทุกอย่างกลับมาสงบ Tomoe เริ่มการพูดคุยต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
Shou ยังคงไม่ยอมแพ้ เขาบอกต่อว่าตนเองไม่อยากเห็นคนที่รักต้องเจ็บปวด ดังนั้นเขาจึงต้องการปกป้อง Mayuri ไม่ว่าจะทำอะไร หากเพื่อให้ได้อยู่เคียงข้างกับเธอแล้วเขาก็ยอมทำทั้งนั้น


Mayuri เองก็จับมือเขาและบอก Tomoe ว่าทุกอย่างที่เธอต้องการจะบอก Shou ได้บอกแทนเธอไปหมดแล้ว ทั้งสองมองเธอด้วยสายตาแข็งกร้าวแต่มุ่งมั่น
Tomoe เห็นดังนั้นก็เอ่ยว่าหากต้องการจะทำให้บ้านนี้แปดเปื้อนไปมากกว่า เธอก็ขอไล่พวกเขาออกจากบ้านนี้ไปเสีย และบ้านหลังนี้ก็ไม่ต้องการคนที่คิดอะไรโง่เขลา เธอขอให้พรุ่งนี้พวกเขาออกจากบ้านไป และให้ถือว่าสัมพันธ์ระหว่าง Mayuri กับที่นี่ถือว่าขาดลง ว่าแล้วผู้นำตระกูลก็เดินจากห้องไป


คืนนั้น Shou กับ Mayuri พูดกันถึงเรื่องอนาคต และในขณะที่ Shou ยังรู้สึกไม่ดีกับการที่ Mayuri จะทิ้งทุกอย่างที่นี่ไป เธอก็บอกเขาว่าตอนนี้เธอเหมือนได้ตื่นจากฝันที่ยาวนาน ได้เจอกับเขา และตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดเพียงอย่างเดียวของเธอก็คือเขาเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงไม่นึกเสียใจและพร้อมจะก้าวเดินไปพร้อมกับเขา
กลางดึก Shou ได้ยินเสียงเพลงลอยมาจึงเปิดประตูออกจากห้องมา พบว่าเสียงมาจากห้องของ Mayuri แต่แล้วเพลงก็เงียบลง และคนที่เดินออกมาจากห้องคือ Sayuri เธอยิ้มให้เขาและขอฝากให้เขาดูแล Mayuri นับแต่นี้ไปด้วย และ "พวกเธอ" รู้สึกดีใจมากที่ Mayuri ได้พบกับเขา Shou ถามเธอว่า ถึงแม้เขาจะทำให้ Mayuri ต้องโดนขับไล่ออกจากบ้านอย่างงั้นเหรอ แต่ Sayuki ก็บอกอย่างอ่อนโยนว่า สำหรับ Mayuri แล้วนั่นเป็นความสุขแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องคิดย้อนหลังไปว่าดีแล้วหรือเปล่าเลย ทำให้ Shou เข้าใจแล้วว่าตอนนี้จะมาคิดเสียใจภายหลังไปก็ไม่ดีแน่นอน Sayuri ขอให้เขาอย่าบอก Mayuri เรื่องที่เธอไปที่ห้อง แล้วจากไป Shou รับคำแล้วเข้าไปในห้องของ Mayuri พอเข้าไป เธอที่กึ่งหลับกึ่งตื่นก็ถามเขาว่าเมื่อครู่อยู่ข้างๆตลอดเลยเหรอ เขาบอกว่าเปล่า Mayuri เล่าว่าตัวเองเหมือนฝันไป ว่ามีมือที่อ่อนโยนลูบหัวของเธอ และได้ยินเพลงที่ตอนเด็กๆรู้สึกว่าเคยได้ยินเสมอๆ


Shou บอกว่าเขาเองก็ได้ยินเหมือนกัน ทำให้ Mayuri ยิ้มและบอกว่าแปลกดีนะที่พวกเขาสามารถได้ยินเพลงเหมือนกัน โดยมิได้รู้ถึงตัวตนของความอ่อนโยนที่แวะมาในค่ำคืนสุดท้ายที่เธอจะได้พักในสถานที่แห่งนี้...


เช้าวันต่อมา Shou กับ Mayuri และ Souryu ก็เตรียมตัวจะขึ้นรถกลับไป Ohtoriryouran คนที่มาส่งพวกเขามีเพียง Kaori ที่ให้หมายเลข Mayuri เผื่อติดต่อเธอถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เพราะเธอเองก็ไม่ใช่คนในบ้าน Shirasagi แล้วเหมือนกัน และ Shiori ที่โผล่มาและยื่นฝักบัวรดน้ำที่ Mayuri เคยใช้ตอนปลูกดอกไม้ในสวนบ้าน และบอกว่าไม่ต้องกลับมาแล้วก็ได้ ยังไงที่นี่ก็ยังมีคนรับใช้เหลือตั้งมากมาย ขณะเอ่ยคำเสียดแทงเหล่านั้นดวงตาก็ฉายแววเศร้าซึมเล็กๆ ก่อนจะรีบเดินจากไป พวก Shou รอคนอื่นที่อาจจะมาส่ง แต่ก็ไม่มีใครมาอีก...
เธอจึงเอ่ยคำอำลาสถานที่ที่ตนอาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิด เป็นครั้งสุดท้าย...


ก่อนหน้านั้น Kaori วิ่งไปทั่วทั้งบ้านเพื่อตามหา Sayuri เมื่อพบก็ขอให้เธอไปพบหน้า Mayuri แต่อีกฝ่ายก็บอกว่าไม่พบกันน่ะแหละดีแล้ว Kaori ถามถึงเรื่องในอดีตว่าเมื่อก่อนเธอนึกว่าตลอดว่า Sayuki เกลียดเธอเลยห้ามไม่ให้เธอเข้าไปในห้องหนังสือกับคุณพ่อด้วย แต่ตอนนี้เธฮเข้าใจแล้วว่าที่ Sayuri ทำนั้นไม่ใช่เพราะเกลียดเธอแต่อย่างใด
Sayuri เพียงยิ้มเศร้าๆ กอดผู้เป็นน้องสาวและเดินจากไป ทิ้งให้ Kaori ร้องไห้ขอโทษพี่สาวคนเดียวเงียบๆ

Sayuri เดินมาที่ห้องรับแดด ซึ่งพบ Tomoe กำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง Sayuri เข้าไปยืนข้างๆและทักผู้เป็นย่าเบาๆ เมื่อเห็นท่าทีของเธอ Tomoe จึงเปรยถามขึ้นว่าเธอคือ "Sayuri ในตอนกลางคืน" สินะ อีกฝ่ายตอบรับสั้นๆ Tomoe ถามถึง "เด็กคนอื่นๆ" Sayuri ก็บอกว่าตอนนี้กำลังหลับอยู่ สงสัยเพราะเพลียและไม่สบายใจเวลาอยู่ใกล้ๆกับ Mayuri เป็นแน่ เธอบอกต่อว่าถึงร่างกายจะรู้สึกเหนื่อยล้าก็ตาม แต่เธอก็ยังได้มีโอกาสดู Mayuri จนถึงเวลาสุดท้าย เพราะห้องรับแดดนี้เป็นที่ที่มองเห็นเธอได้ชัดที่สุดนั่นเอง และถามผู้เป็นย่าว่าเพราะอย่างนั้นเธอจึงมาอยู่ที่นี่ด้วยใช่ไหม ซึ่ง Tomoe เองก็ไม่ตอบอะไร แต่เปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นแทน เธอถามว่าตอนที่ Sayuri บุกเข้ามาในห้องตอนที่พวกตนกำลังพูดคุยกันนั้น คนที่ "แทรกเข้ามา" คนสุดท้าย คือ "เธอ" ใช่รึเปล่า ซึ่ง Sayuri ก็ยิ้มก่อนจะปฏิเสธ และบอกต่อว่า ดูเหมือน "เด็กพวกนั้น" ก็มีจิตใจความเป็นพ่อแม่อยู่บ้างเหมือนกัน Tomoe เริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วว่า ในตัว Sayuri นั้น จิตใจที่คิดถึง Mayuri นั้นไม่ได้มีแต่ "Sayuri คนนี้" แต่อยู่ในส่วนลึกของตัว Sayuri
Tomoe เอ่ยต่อว่าสุดท้ายก็ยอมให้ Mayuri จากไปจนได้ และขอโทษที่ทำให้ Sayuri ต้องนึกถึงความทรงจำที่เจ็บปวดอีก แต่ Sayuri กลับตอบว่าอย่างนี้แหละดีแล้ว จะให้ Mayuri แบกรับความแปดเปื้อนของบ้าน Shirasagi เพียงคนเดียวไม่ได้หรอก ถึงเวลาแล้วที่จะปลดปล่อยให้เธอได้มีอิสระจากสิ่งเหล่านั้นสักที

Tomoe บอกว่าสิ่งที่เกิดไม่ขึ้น ไม่ใช่แค่เพราะ Sayuri แต่เพื่อการปกป้องเกียรติของตระกูลเท่านั้น เธอจึงต้องสร้างเรื่องโกหกนั้นขึ้นมา ทั้งเรื่องการเป็นลูกของคนใช้ ทั้งข้อผูดมัดที่รั้งเธอไว้ในบ้านแ่ห่งนี้
จริงแล้วๆเธอไม่ได้ต้องการปกป้องเีกียรติของตระกูลแต่อย่างใด แต่เป็นตัว Mayuri และ Sayuri ต่างหาก
เพราะความจริงนั้นทั้งหนักอึ้งและทรมานเกินไป เธอจึงสร้างกรงจากคำโกหกเหล่านั้นขึ้นมา
แต่ถึงอย่างนั้น Mayuri ก็เติบโตขึ้นมาเป็นคนที่ฉลาดเฉลียวและสง่างามที่สุดจนได้
Sayuri เพิ่งสังเกตเห็นว่ามีของบางอย่างวางอยู่บนตักของ Tomoe มันคือกิโมโนสีดอกคุจินาชิ แม้จะดูเก่ามาก แต่สีสันยังสดใสเหมือนเดิม Tomoe ลูบมันอย่างอ่อนโยนและบอกหลานสาวว่า พอเธอได้เห็น Shou แล้ว ก็ทำให้เธอนึกถึงอดีตของตนเองขึ้นมา ที่ซ้อนทับกับภาพของคู่หนุ่มสาวที่ทานข้าวปั้นกันคืนก่อน...


Tomoe ในอดีตนั้นไม่ว่าจะมีกิโมโนราคาแพงหรือสวยงามแค่ไหน กิโมโนตัวนี้ก็เป็นตัวที่เธอรักษาเป็นอย่างดีที่สุด
เธอได้รับกิโมโนตัวนี้จากชายผู้ทำงานเป็นคนย้อมผ้าซึ่งเข้าออกบ้าน Shirasagi เป็นประจำ
ผู้ชายคนนั้นที่หิวจนท้องร้องออกมา จนเธออดหัวเราะไม่ได้และพาเข้าเข้ามาทานอาหาร มองเขาที่ได้กินอย่างมีความสุข แม้เธอจะเพิ่งเคยทำข้าวปั้นเป็นครั้งแรกก็ตาม หรือกระทั่งไม่ได้ทดลองชิมรสชาติเองก็ตาม
ตั้งแต่นั้นเธอก็เริ่มคิด
คนๆนั้นปกติทำอะไรนะ?
ทำงานอะไรอยู่กันนะ?
ตอนนี้กำลังพูดคุยเรื่องอะไรอยู่นะ?
-----ต่อจากนี้ เมื่อไหร่จะได้พบกันอีกนะ?
ใช่ นั่นคือรักครั้งแรกของเธอนั่นเอง...


หลังจากนั้นเธอก็ได้รับกิโมโนตัวหนึ่งจากเขา แม้ไม่มีลวดลายใดๆ เป็นกิโมโนชั้นเดียวที่มีเพียงสีเดียว...สีคุจินาชิ
เป็นกิโมโนที่ชายคนนั้นทำด้วยตัวเองและมอบให้เธอ ทำให้เธอรู้สึกตื้นตันอย่างมาก และสัญญาว่าจะเก็ยมันไว้อย่างดี
แต่บางครั้งเธอก็คิด ว่าหากเธอไม่ได้รับของชิ้นนี้มาล่ะก็...แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็คงจะเลือกชะตากรรมนี้เหมือนเดิมแน่
ชะตากรรมที่จะได้จับมือกับเขา วิ่งไปกับเขา และใช้ชีวิตร่วมกันกับเขา


คืนวันนั้นพวกเขาเตรียมการที่จะหนีไปด้วยกัน
แต่เธอเสียเวลาไปนิดนึงเพราะนำกิโมโนตัวนี้มาด้วย
เธอวิ่งมาที่สถานที่ที่นัดหมาย เห็นเขาที่โบกมือเรียกชื่อเธอ

"ท่าน Tomoe ข้าอยู่ที่นี่ครับ"

ตอนที่เธอกำลังจะไปถึงเขานั้นเอง
ร่างก็ล้มลง บาดแผลเลือดไหลนอง

"แผล...เลือดไหลออกมาตั้งขนาดนี้"

เธอบอกว่าไม่เป็นไร

"ไม่ได้การ ถ้าไม่รีบทำแผลล่ะก็..."

ทั้งเขา ทั้งเธอต่างตัวสั่น
----ไม่มีใครที่มีชีวิตอยู่โดยไม่ทำให้ใครเจ็บปวดหรอก
เธอบอกเช่นนั้น

เสียงฝีเท้าที่ไล่เข้ามา เป็นคนที่ต้องการจะมาจับตัวพวกเธอกลับไป

"------คุณ Tomoe"

หัวใจของเธอสั่นไหวอย่างเงียบๆ
หากไม่รีบลุกขึ้นล่ะก็
หากไม่รีบวิ่งหนีไปล่ะก็
ไปยังที่ไหน ที่ไหนที่ไกลจากที่นี่

"คุณ Tomoe ขอร้องล่ะครับ"

มือของเขาสัมผัสที่แก้มเธอ
วิธีการเรียกชื่อที่ต้องการให้เขาเรียกมาตลอด
เพียงเสี้ยววินาทีที่ได้ยินคำนั้นเป็นครั้งแรก

"ช่วยฟัง สิ่งที่ข้าจะพูดนะครับ"

มือที่อบอุ่นแตะที่แก้ม
ทั้งๆที่ยิ้มอยู่ แต่ในดวงตากลับเศร้าสร้อย

"คนที่จะเจ็บปวด แค่คนเดียวก็พอแล้ว"

เธอไม่สามารถเอ่ยอะไรได้

"ข้าไม่อยากเห็น...ใบหน้าเจ็บปวดของคนที่ข้ารักครับ"

เธอรู้สึกเหมือนกับเวลาได้หยุดนิ่งลง

"เพราะฉะนั้น"

เสียงฝีเท้าที่ไล่ตาม อีกเพียงนิดเดียวก็จะมาถึง

แล้วไหล่ก็ถูกฉุดรั้ง
ในชั่วพริบตา เธอก็ถูกจับไว้แน่นด้วยมือที่แข็งแรง

"เพราะฉะนั้น ข้ายอมที่จะไม่ได้อยู่เคียงข้างกับท่านครับ"

กว่าที่เธอจะเข้าใจว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นความอ่อนโยนต่างหาก เวลาก็ผ่านมานานแล้ว...


เมื่อลืมตาขึ้น Tomoe ก็อยู่ในห้องรับแดดอีกครั้ง
เมื่อนึกถึงชื่อที่เขาเรียกเธอแล้ว นับตั้งแต่เธอยอมแต่งงานตามความต้องการของตระกูลและขึ้นเป็นผู้นำตระกูลก็ไม่มีใครเรียกเธอแบบนั้นอีก
ตอนที่เธอไล่ Mayuri ออกจากบ้านไปนั้น ไม่ใช่อารมณ์โกรธที่เธอมี แต่เป็นเพียงการชี้ทางที่ "เหมาะสม" ให้กับหลานสาวของตนเท่านั้น
ขณะลูบกิโมโนบนตัก เธอก็คิดถึง Mayuri ว่าถึงเด็กคนนั้นจะมีนิสัยเหมือนตัวเธอในอดีต แต่ก็มีอะไรแตกต่างไป
เธอจ้องมอง Sayuri ที่ปกติจะมีผิวเหมือนกับปุยหิมะขาวที่พร้อมจะละลายหายไปทุกเมื่อ
แต่เวลานี้กลับมีความเข้มแข็งดั่งดอกลิลลี่สีขาวที่เยือกเย็น สมกับชื่อของเธอ
ใบหน้าด้านข้างของเธอก็คล้ายคลึงกับ Mayuri เหลือเกิน
Tomoe บอก Sayuri ด้วยแววตาเศร้าๆ ว่าหากเธอได้พบกับคนที่เหมาะสมกับตัวเองแล้วล่ะก็ จะออกจากบ้านนี้ไปก็ได้ Sayuri เพียงยิ้มและมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาของเธอ Tomoe มองมาตลอดว่าไม่ว่าเวลาใด ดวงตาของ Sayuri ก็สดใสเหมือนฟ้าที่ไร้เมฆหม่นเสมอ บางทีนั่นอาจจะทำให้ Tomoe คอยดูแลปกป้องเธอเสมอก็เป็นได้
Sayuri เรียกผู้เป็นย่าให้มองออกไปข้างนอก เบื้องล่างนั้นมีเงาของคนสองคนที่เดินออกมาด้วยกัน
เด็กหนุ่มและหลานสาวที่เดินออกมากลางแดดอบอุ่น ถึงไม่ได้ยินว่าพูดอะไรกันอยู่ แต่ก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่ากำลังยิ้มอยู่อย่างมีความสุข


Sayuki เอ่ยถาม Tomoe ขึ้น
"ท่านย่าคะ ตอนเด็กคนนี้เกิด หนูเคยถามอย่างนี้ใช่ไหมคะ"
"ว่าเด็กคนนี้น่ะจริงๆแล้ว เกิดมาเพื่อได้รับความรักรึเปล่าน่ะค่ะ"
Tomoe ผงกหัว พลางนึกถึงเหตุการณ์นั้น ที่ Sayuri ถามด้วยสีหน้าโศกเศร้า ตอนนั้นเธอทำได้เพียงพยักหน้าเท่านั้น ไม่อาจตอบอะไรออกมาได้
Sayuri ยิ้มและบอกกับเธอ
"ตอนนี้หนูสามารถตอบได้แล้วค่ะ"
"ถึงแม้ว่า....เด็กคนนั้นจะพบแล้วก็ตาม"
พวกเธอมอง Mayuri ที่เดินตรงไปข้างหน้าไปโดยไม่หันหลังกลับ
Sayuri เอ่ยออกมา แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ยินอย่างแน่นอนก็ตาม


"นี่ Mayuri ลูกน่ะ จริงๆแล้ว เกิดมาเพื่อได้รับความรักแน่ๆจ้ะ"


ที่มา
(ก๊อบมาหมดเพราะตรงมากhttp://yuki-tuki.exteen.com/20101012/review)

แสดงความคิดเห็น

 
Top